การเทรดโดยใช้ Breakouts
Breakouts คืออะไรและเราจะใช้มันได้อย่างไร?
Breakout เกิดขึ้นเมื่อราคามันเกิด Break out (ทะลุออกมา) จากแนวของราคาที่วิ่งอยู่ปกติ Breakout สามารถเกิดขึ้นเมื่อราคาถึงจุด ๆ หนึ่งหรือ ทะลุแนวรับแนวต้าน Pivot Point และเส้น Fibonacci หรือเครื่องมืออื่น ๆ
การเทรดแบบ Breakout จุดประสงค์คือ การเข้าสู่ตลาดเมื่อราคาทะลุจุดังกล่าวออกมาและเราจะเกาะเทรนด์ไปจนกระทั่งความผันผวนนั้นหมดลง
ความผันผวน(Volatility), ไม่ใช่ปริมาณ(Volume)
สิ่งหนึ่งที่คุณจะเห็นจาก Forex ว่าไม่เหมือนกับตลาด หุ้น และ ตลาดฟิวเจอร์ คือไม่มีทางที่เราจะเห็นปริมาณการเทรดในตลาด Forex ถ้าในตลาดหุ้นหรือ Future ปริมาณนั้นเป็นสิ่งสำคัญต่อการใช้ Break out
ในการเทรด ดังนั้นการที่เราไม่มีข้อมูลนี้ในตลาด Forex ทำให้เราเสียเปรียบด้วยความที่เราเสียเปรียบนี้ไม่เพียงเราต้องมีการจัดการความเสี่ยงที่ดี
แต่ว่าเราต้องมีจุดกำหนดในการหาจุด เข้าส่ง order ที่ดีที่คิดว่าจะเป็นจุด
Break out ถ้าราคามีการเคลื่อนไหวมากภายในเวลาสั้น ๆ หมายความว่า ค่าความผันผวนย่อมมีสูงได้เหมือนกันหรืออีกนัยหนึ่ง ถ้าเกิดว่ามีความเคลื่อนไหวเล็กน้อยในช่วงเวลาที่เราคิดนั่นหมายความว่าค่าความผันผวนนั้นมีต่ำ
ขณะ
ที่ตลาดมีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับลูกกระสุน คุณจะพบว่าตัวเองอยู่
ท่ามกลางความกดดันและตัดสินใจพลาดได้ง่าย
เพราะว่าเงินของคุณเคลื่อนที่ขึ้น ๆ ลง ๆ เช่นกัน ยิ่งตลาดมีความผันผวนสูงทำให้เทรดเดอร์มากมายเข้ามาในตลาด แต่ว่าความผันผวนก็ฆ่าพวกเขาไปหลายคนเหมือนกัน
ประเด็นของตรงนี้คือเราจะใช้ความผันผวนเป็นความได้เปรียบของเราแทนที่เราจะกระโดดเข้าตลาดตอนที่มันผันผวนมากเราควรจะรอให้มันมีความผันผวนต่ำดีกว่า
** วิธีนี้คุณสามารถกำหนดการเล่นของคุณและเพราะมื่อเกิด Break Out คุณก็พร้อมที่จะฉวยโอกาสจากความผันผวนนี้
วิธีการประเมินความผันผวน
ความผันผวนเป็นสิ่งที่เราสามารถใช้ในการหาจุด Break out ทำให้เรามีโอกาสในการเทรดได้ความ ผันผวนนั้นบอกการแกว่งตัวของราคาตามช่วงเวลาต่าง ๆ และสิ่งนี้เราจะถูกใช้ในการหาจุด Break out มีเครื่องมือไม่กี่ชนิดที่สามารถช่วยคุณกะเกณฑ์ความผันผวนของค่าเงินได้ การใช้ Indicator ช่วยคุณได้มากในการหาจุด Break Out
1. Moving Average
Moving
averages เป็นเครื่องมือที่อยู่ทั่วไป ที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ใช้และแม้ว่ามันจะเป็นเครื่องมือธรรมดาแต่มันก็ให้ข้อมูลที่ไม่สามารถตีมูลค่าได้ เราแค่ใส่ Moving Average
ในการประเมินการเคลื่อนไหวเฉลี่ยของตลาดในจำนวน x ของช่วงเวลาใดช่วงหนึ่ง
ซึ่ง X คือราคาที่คุณอยากให้มันเป็น
ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณใส่เส้น Moving Average 20 ในกราฟวัน มันจะแสดงให้คุณเห็นราคาเฉลี่ยของกราฟ 20 วันที่ผ่านมา มี Moving Average เช่น Exponential และ weighted แต่ว่าจุดประสงค์ของบทเรียนนี้เราไม่ต้องลงไปในรายละเอียดมากนัก ถ้าคุณอยากเข้าใจเรื่อง Moving Average มากกว่านี้ให้กลับไปดูบทเรียนเรื่อง Moving Average
2. Bollinger Bands
Bollinger bands เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการใช้วัดความผันผวนเพราะว่ามันออกแบบมาเพื่อสิ่งนี้ Bollinger
bands ประกอบด้วยเส้นสองเส้นซึ่งจะประกอบด้วยเส้นเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2 เส้น
อยู่ข้างล่างและข้างบนเส้น Moving Average สำหรับช่วงเวลา X และ ที่ราคา X
และ
ถ้าเราตั้งค่าที่ 20 เราก็จะได้เส้น Simple Moving Average 20
และเส้นเบี่ยงเบนมาตรฐานสองเส้นซึ่งเส้นหนึ่งคือเส้นเบี่ยงเบนมาตรฐาน +2
อยู่ข้างบน และเส้นเบี่ยงเบนมาตรฐานค่า -2 อยู่ข้างล่างเส้น Simple Moving
Average เมื่อ Bollinger Band นั้นแคบลง มันจะบอกว่าค่าความผันผวนนั้นมีต่ำ
และเมื่อ Bollinger Band นั้นกว้างขึ้น มันบอกเราว่าค่าความผันผวนในตลาดมีสูง
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับ Bollinger Band มากกว่านี้ให้ย้อนกลับไปดูเนื้อหาเรื่อง Bollinger Band ก่อนหน้านี้
3. Average True Range (ATR)
เครื่องมือสุดท้ายแล้ว นั่นคือ ATR
ATR
เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการวัดค่าความผันผวน
เพราะว่ามันบอกเราเกี่ยวกับช่วงราคาเฉลี่ยของตลาดในจำนวน X ของช่วงเวลานั้น
ซึ่ง X เป็นอะไรก็ตามที่คุณอยากให้เป็น
ดังนั้นถ้าคุณตั้งค่า ATR 20 ในกราฟ Daily มันจะเป็นค่าช่วงราคาเฉลี่ยของ 20 วันที่ผ่านมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น