Commodity Channel Index (CCI)
สัญญาณนี้พัฒนาขึ้นโดย Donald Lambert ในปี 1980
ดัชนีชี้วัดตัวนี้มีประโยชน์หลายอย่างที่สามารถใช้ระบุแนวโน้มใหม่
หรือเตือนในสภาวะที่มีความผันผวนมากๆได้
แต่เดิมดัชนีตัวนี้ต้องการพัฒนามาเพื่อหาวัฏจักรของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
(commodities) เช่น น้ำมัน, ทองคำ, ถ่านหิน, ยางพารา, ข้าว
และสินค้าการเกษตรทั้งหลาย แต่มันก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับหุ้นหรืออื่นๆ
(future, ETF) ก็ได้
หลักการก็คือวัดระดับราคาปัจจุบันเทียบกับระดับราคาเฉลี่ยในช่วงที่สนใจ
CCI จะมีค่าเพิ่มขึ้นถ้าราคาปัจจุบันอยู่เหนือค่าเฉลี่ย
และจะมีค่าลดลงถ้าราคาปัจจุบันอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
ปรากฎการณ์นี้ทำให้เรานำมาหาระดับ overbought หรือ oversold ได้ด้วย
สูตรคำนวณ (ใช้ช่วงเวลา 20 วัน)
CCI = (Typical Price - 20-period SMA of TP) / (.015 x Mean Deviation)
Typical Price (TP) = (High + Low + Close)/3
Constant = .015
Typical Price (TP) = (High + Low + Close)/3
Constant = .015
การหาค่า Mean Deviation
- นำค่าเฉลี่ย (SMA20) – TP (ทั้ง 20 วันที่ผ่านมา)
- นำค่าต่างๆในขั้นที่ 1 มาหาค่าสัมบูรณ์ (ไม่มีเครื่องหมายลบ)
- นำค่าสัมบูรณ์มารวมกัน
- นำค่าในขั้นที่ 3 มาหาร 20
Lambert ใช้ค่าคงที่ 0.15 เพื่อให้แน่ใจว่า 70%-80% ของค่า CCI
จะแกว่งตัวในช่วงระหว่าง -100 ถึง 100 ซึ่งขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่ใช้
กล่าวคือถ้าใช้ช่วงเวลา 10 วัน ความผันผวนจะมากกว่าช่วงเวลา 40 วัน
การแปลความหมาย
ค่าบวก มากๆ แสดงถึงความเข้มแข็ง ค่าที่กระชากเกิน 100 ส่งสัญญาณแนวโน้มขึ้น
ค่าลบ มากๆ แสดงถึงความอ่อนแอ ค่าที่กระชากเกิน -100 ส่งสัญญาณแนวโน้มลง
CCI เป็น leading indicator ชนิดหนึ่งเหมือนกับ momentum ตัวอื่นๆ
เพราะหลักการเหมือนกัน ดังนั้นจึงเหมาะที่จะใช้หาระดับ overbought หรือ
oversold ได้ และสามารถนำไปใช้ตรวจหาสัญญาณ bullish และ bearish
divergences เพื่อหาจุดกลับตัวของแนวโน้มได้ด้วย
การใช้งาน CCI
CCI ต้องตัดผ่านเส้น อย่างน้อย 2 ระดับเส้น (+100, 0, -100)
- เราควรซื้อเมื่อ CCI วิ่งจาก 0 ตัดผ่านเส้น +100 หรือจาก +100 ไป +150 หรือจาก +150 ไป +175 (หรือทุกๆการเพิ่มขึ้น +25)
- เราควรขายเมื่อ CCI วิ่งจาก 0 ตัดผ่านเส้น -100 หรือจาก -100 ไป -150 หรือจาก -150 ไป -175 (หรือทุกๆการเพิ่มขึ้น -25)
- ถ้า CCI กระชากแล้วย่อหรือถอยผ่าน 2 เส้น เช่น ผ่าน +150 และ +100 (หรือก็คือช่วงย่อปรับฐาน) เราต้องถอยมาเริ่มต้นนับใหม่ (หรือการขึ้นรอบใหม่) และรอให้มันวิ่งผ่าน 2 เส้นนี้ใหม่อีกครั้ง
1. แนวโน้มใหม่เปิดเผยตัว (New Trend Emerging)
มาดูกราฟทองคำ จะเห็นสัญญาณแนวโน้มลงเริ่มเปิดเผยตัว ตั้งแต่ปลายปี 2012
จนปัจจุบันมีการทิ้งดิ่ง แสดงถึงการลงอาจจะมีการตีกลับในเร็ววัน
ถ้าเห็นสัญญาณ bullish convergence ชัดเจนก็น่าพิจารณาปิด short
2. Overbought / Oversold
ดูกราฟหุ้น MAKRO จะเห็นลักษณะของ overbought / oversold ซึ่งเหมาะกับการทำรอบ เข้า/ออก เป็นช่วงๆ และบางช่วงก็เห็น divergence
3. Divergence
ดูกราฟ GLOBAL จะเห็นลักษณะของ bearish divergence และ bullish convergence ซึ่งทั้งสองสัญญาณนี้จะเป็นตัวชี้ให้เห็นว่าราคามีแนวโน้มที่จะกลับตัว
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆจาก : https://vsathai.wordpress.com/2013/04/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น