การใช้ Divergence (ความขัดแย้งกัน) ในการเทรด

       ถ้าเรามีวิธีที่มีความเสี่ยงต่ำในการส่ง order Sell ที่จุดสูงสุดก่อนกลับตัวของขาขึ้น หรือ order Buy ที่ใกล้จุดต่ำสุดของขาลงล่ะ?   และ ถ้าคุณเปิด order Buy อยู่และคุณสามารถรู้ล่วงหน้าว่าจุดไหนควรจะเป็นจุดที่เหมาะสมในการออร์จาก การเทรด แทนที่จะนั่งมองกำไรที่คุณยังไม่ได้เป็นกำไรของคุณเอง คุณกำลังฝันถึงรถในฝัน Aston Martin แต่เพียงแค่คุณขยี้ตาแป๊บเดียว มันเกิดการกลับเทรนด์ขึ้นอย่างรวดเร็ว?     ถ้าคุณคิดว่า ค่าเงินจะยังคงอยู่ในทิศทางขาลงต่อไป แต่ว่าคุณอยากจะส่ง order Sell ในจุดที่คุณได้ราคาดีกว่านี้อีกหน่อย หรือว่าจุดที่เสี่ยงน้อยกว่านี้อีกหน่อยนึงล่ะ?
       ลองมาดูกัน วิธีนี้ เราเรียกว่า divergence trading หรือการเทรดโดยใช้ Divergence
สิ่ง สำคัญอย่างหนึ่งคือ Divergence สามารถจะมามองเห็นด้วยการเปรียบเทียบพฤติกรรมราคา กับ การเคลื่อนไหวของ อินดิเคเตอร์ต่าง ๆ ไม่สำคัญว่าจะเป็น อินดิเคเตอร์ประเภทไหน คุณจะใช้ RSI, MACD, stochastic, CCI, ฯลฯ
  แต่สิ่งสำคัญสำหรับ Divergences คือคุณสามารถใช้มันในการเป็นตัวนำทาง ในการตัดสินใจในการเทรดและ วิธีใช้ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรมากนัก
      ปกติแล้วคุณสามารถจะทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องเองด้วยการเทรดด้วย Divergence และข้อดีของ Divergence คือ คุณแทบจะซื้อได้ในราคาต่ำสุดของเทรนด์ขาขึ้นและ Sell ได้สูงสุดของเทรนด์ขาลงเลย ซึ่งทำให้คุณลดความเสี่ยงลงไปได้มากและทำให้คุณได้กำไรมากเช่นกัน

Higher Highs and Lower Lows

     ให้จำไว้ว่า "Higher highs" และ "lower lows"    ราคา และ ความสมดุลของทิศทางราคาปกติจะไปด้วยกันเหมือนกับ Hansel and Gretel, Batman and Robin, Serena and Venus Williams, เกลือ กับ พริกไทย พอจะเข้าใจไอเดียรึเปล่า?
     ถ้าราคา เกิด Higher highs, (ทำราคาสูงสุดครั้งใหม่) ตัว oscillator (MACD RSI ฯลฯ) ควรจะมีรูปแบบ higher highs. ด้วย ถ้าราคาเกิดรูปแบบ Lower lows, ตัว oscillator ก็ควรจะมีรูปแบบ lower lows.ด้วยเช่นกัน
    แต่ถ้าไม่ นั่นหมายความว่าราคาและ Oscillator ก่าลังเกิดการขัดแย้ง Divergence ซึ่งกันและกัน และด้วยเหตุนี้เราจึงเรียกว่า Divergence
      การเทรดโดย ใช้ Divergence เป็นเครื่องมือ ที่ยอดเยี่ยมที่คุณควรจะมีในกล่องเครื่องมือของคุณเพราะว่าสัณญาณ Divergence ที่คุณได้มานั้นจะบอกเราว่าจะมีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น และคุณควรจะจับตาดูอย่างใกล้ชิด
     การใช้ Divergence ในการเทรดในการหาจุดกลับตัว หรือว่าเมื่อตลาดหมดแรง บางครั้งคุณอาจจะใช้มันเป็นสัญญาณบอกว่าเทรนด์จะไปต่อรึเปล่าด้วยก็ได้!

  การเกิด Divergence มีสองประเภท:
    
      1. แบบปกติ   (  regular divergence )
      2. แบบแฝง    ( Hidden divergence )

     ในบทเรียนนี้ เราจะสอนคุณให้รู้จักกับ Divergence และจะใช้มันในการเทรดได้อย่างไร เรายังมีอะไรให้คุณแปลกใจในตอนท้ายอีกนิดหน่อย

      Divergence ปกติ   regular divergence )

        Divergence ปกติจะใช้ในการบอกว่าอาจจะมีสัญญาณการกลับตัวของเทรนด์เกิดขึ้น ถ้าราคาเกิดรูปแบบ Lower lows (LL), แต่ว่า ตัว oscillator เกิด higher lows (HL), เราเรียกลักษณะการเกิดแบบนี้ว่า regular bullish divergence. หรือว่าการเกิด Divergence ขาขึ้นแบบปกติ   ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังจากการจบ เทรนด์ขาลง หรือหลังจากที่มีการเกิดรูป Double bottom ที่สองขึ้นมา ถ้า Oscillator ท่าท่าเหมือนจะเกิดราคาต่่ากว่าเดิม (New Low) แต่ว่าทิศทางราคาทำท่าเหมือนว่าจะขึ้น และโมเมนตั้มของราคาก็ดูเหมือนจะขยับไปในทิศทางเดียวกัน
 ข้างล่างนี้เป็นภาพตัวอย่างของ Regular bullish divergence หรือการเกิด Divergence ขาขึ้นแบบปกติ



     
       ตอนนี้ ถ้าราคาได้เกิด Higher high (HH), แต่ว่าตัว oscillator กลับเกิด Lower high (LH), คุณก็จะได้สัญญาณ regular bearish divergence หรือ Divergence ขาลงแบบปกติ
       Divergence ลักษณะนี้ สามารถพบได้ในขาขึ้น หรือหลังจากที่ราคาเกิดราคาสูงสุดครั้งใหม่ ถ้าตัว Oscillator เกิด Lower High คุณอาจจะคาดได้ว่าราคาก่าลังจะเกิดจุดกลับตัวและร่วงลงมา
ในรูปข้างล่างนี้ เราจะเห็นว่าราคาเกิดจุดกลับตัวหลังจากที่มันพยายามท่าราคาสูงสุดครั้งใหม่



    จากที่คุณได้เห็นจากรูปข้างบน การเกิด Divergence แบบปกติเหมาะส่าหรับการเข้า order ในจุดที่ต่ำสุดหรือสูงสุด ซึ่งคุณจะใช้ในการมองว่าจุดไหนจะเป็นจุดกลับตัว
        ส่วนตัวสัณญาณ Oscillator นั้น ถ้ามันเริ่มที่จะมีการ Divergence แล้ว ถึงแม้พฤติกรรมของราคายังจะเกิด higher high (or lower low) นั่นหมายความว่าเทรนด์จะไม่ยั่งยืนอีกต่อไป

เนื้อหาต่อไปครับ :    Divergence แฝง

1  2  3  4  5


ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆจาก : http://www.jubtadu.com/forex/basic-degree/divergence.html



1 ความคิดเห็น: