หลายท่านอาจจะเคยเล่นหุ้นมาบ้าง หลักการทำกำไรหลักๆ ก็จะคล้ายกันที่ว่า
ซื้อถูก-ขายแพง(พูดง่ายแต่ทำจริงๆ ไม่ง่ายเลย)
ในการซื้อ-ขายหุ้นจะซื้อ-ขายเป็นตัวๆ ไป แต่ในตลาด Forex จะต่างจากหุ้น
ตรงที่ เราจะดูกันเป็น “คู่” ซื้อเงินสกุลหนึ่ง ในขณะเดียวกัน
ก็ขายเงินอีกสกุลหนึ่งออกไป หรือเป็นการจับคู่แลกเปลี่ยน
ซื้อขายค่าสกุลเงิน กำไรก็จะได้มาจากส่วนต่างจากการขายในแต่ละครั้งครับ
ยกตัวอย่างเช่น USD/JPY คือการเปรียบเทียบระหว่างเงินดอลลาร์สหรัฐ กับ เงินเยนญี่ปุ่น ค่าเงินด้านซ้ายเราเรียกว่า base currency
โดยเรามักจะเห็นราคา ซื้อ-ขาย แบบข้างล่างครับUSD/JPY bid= 97.690 offer (Ask)= 97.698
ถ้าเราสั่ง ซื้อ (เรียกว่า Buy หรือ Long) ในตอนที่เราเปิด order (เปิด order
BUY) เราจะได้ราคาที่ offer และเมื่อเราสั่งปิด order นี้ เราจะได้ราคาที่
bid ตัวอย่างเช่น ณ เวลาที่เราเข้า Buy คู่ USD/JPY ราคา offer อยู่ที่ 97.698 ถ้าเราปิด (close) ทันที เราจะ sell คืนไปที่ราคา bid 97.690
เท่ากับเราขาดทุนทันที 0.008 หรือ 8 จุด หรือ pip
(ทุกครั้งที่เราเปิดการเทรด เราจะติดลบก่อนเสมอ
ในความเป็นจริงคงไม่มีใครซื้อแล้วขายเลยแบบนี้)
เราจะทำกำไรด้วยการ
buy ที่ราคา offer ซึ่งก็คือซื้อมาถือไว้ เพื่อรออัตราแลกเปลี่ยนที่สูงขึ้น
ก็คือรอให้ค่า bid สูงกว่าค่า offer ที่เราเปิด buy ไว้ และเราจะปิด order
นี้ โดยการ sell คืน (การสั่ง close order จะเป็นการ sell อัตโนมัติ -
ไม่ใช่ให้เราเปิด order sell อีกอัน) ไปในราคาที่สูงกว่า (ถ้า sell
คืนในราคาต่ำกว่า เราก็ขาดทุน) เรียกว่า ซื้อถูก ขายแพง
**** ข้อดีอีกข้อของตลาด Forex คือ เราสามารถเทรดขาลงได้ด้วย
เมื่อ
เราสั่ง ขาย (เรียกว่า Sell หรือ Short) ในตอนที่เราเปิด order (เปิด order
SELL) เราจะได้ราคาที่ bid และเมื่อเราสั่งปิด order นี้ เราจะได้ราคาที่
offer - การ Sell คือการที่เราสั่งโบรกให้ขายออกไปก่อน
เพื่อรออัตราแลกเปลี่ยนตกลงมา และเราจะปิด order นี้ โดยการ Buy คืน
(การสั่ง close order จะเป็นการ buy อัตโนมัติครับ - ไม่ใช่ให้เราเปิด
order buy อีกอัน) ไปในราคาที่ต่ำกว่า (ถ้า Buy คืนในราคาสูงกว่า
เราก็ขาดทุน) เรียกว่า ขายแพง แล้วซื้อถูก
แต่จะเห็นว่า เราดู จุด หรือ pip กันที่ ทศนิยมตำแหน่งที่ 4 (หรือตำแหน่งที่ 2 ในบางคู่) เราลองมาดู EUR/USD กัน
สมมุติ
ว่า เราพิจารณาแล้ว เราเห็นว่า EUR น่าจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับ USD (คือ
EUR จะแลก USD ได้มากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป) เราจึงทำการเข้า buy
โดยที่เราได้ราคา ที่ 1.3502 (จำได้มั๊ยครับว่าเราจะได้ราคา offer
นั่นแปลว่าเมื่อเทียบกับ bid เราจะ -2
นี่คืนส่วนของค่าคอมมิทชั่นของโบรกเกอร์ครับ)
เมื่อเวลาผ่านไป
ราคาวิ่งขึ้นไป ที่ 1.3552 หรือขึ้นมา 50 จุด
แล้วเราเห็นว่าอาจจะไปต่อไม่ไหว จึงปิดทำกำไรที่ จุดนี้ เราจะได้กำไรมา 50
จุด หรือ 50 pips หรือ 0.0050 หน่วยใน base currency ซึ่งในที่นี้คือ
0.0050 USD
น้อยมากใช่ไหมครับ 0.0050 USD = ครึ่งเซ็นต์ หรือประมาณ
17 สตางค์ เท่านั้น นั่นแปลว่าหากเราอยากทำกำไรเยอะๆ เช่น pip ละ $1 (50
pip ก็คือ $50) เราต้องสั่งเทรดถึง $10,000 เลยทีเดียว
เป็นเงินที่ไม่น้อยเลย
แล้วเราจะทำอย่างไรล่ะ ดังนั่้นถ้าจะเทรดให้ได้มากขึ้นก็ต้องขึ้นอยู่กับ Leverage นะครับ ว่าทำไมการมี Leverage ช่วยให้เราทำเงินเยอะ จากการลงทุนที่น้อยกว่าได้อย่างไร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น