4. ชำแหละรูปแบบ Breakout แบบสามเหลี่ยม
ในการจำรูปแบบต่าง ๆ ของ Breakout แบบสามเหลี่ยมนั้น ให้คิดแค่ว่ามันเป็น Breakout เกิดบนใบหน้าคุณ (เหมือนสิว)
รูปแบบสามเหลี่ยมเฉียงขึ้น (Ascending triangles) ปกติจะเกิด Breakout ด้านบน เมื่อคุณเห็น สามเหลี่ยมแบบ เฉียงขึ้น ให้คุณคิดว่าเหมือนสิวขึ้นกับ หน้าผากของคุณ
รูปแบบสามเหลี่ยมเฉียงลง (Descending triangles) ปกติจะเกิด Breakout ด้านล่าง ดังนั้นเมื่อคุณเห็นสามเหลี่ยมเฉียงลง ให้คุณคิดว่าเหมือนกับสิวที่เกิดตรงคางของคุณ
สามเหลี่ยมเฉียงขึ้น (Ascending triangle) = สิวบนหน้าผาก (Forehead breakout)
สามเหลี่ยมเฉียงลง( Descending triangle) = สิวที่คาง (Chin breakout)
สามเหลี่ยมธง (Symmetrical triangle) = หน้าผากหรือคาง (Forehead OR chin breakout)
แหวะ ยี๊???? แต่เราเชื่อว่าคุณจะจำมันได้ง่ายขึ้น
1. ราคาอาจจะเคลื่อนไหวเกิดเทรนด์ต่อเนื่องในทิศทางเดียวกัน (แบบเทรนด์ต่อเนื่อง)
2. ราคาอาจจะกลับทิศทางในทิศทางตรงกันข้าม (แบบกลับตัว)
มันคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ถ้าเรามีวิธีการยืนยันการเกิด Breakoutแต่ไม่มีวิธีในการหลีกเลี่ยงสัญญาณหลอกได้...
อืมมมมมม...
คุณคงคิดว่า มันต้องมีวิธีสิน่า !!
จริง ๆ แล้ว มีหนทางอยู่บ้าง ในการจะบอกว่าเทรนด์กำลังจะเกิดต่อไปอีก และ Breakout จะไม่เกิดขึ้น
Moving Average Convergence/Divergence (MACD)
ตอนนี้คุณคงมีพื้นฐานเรื่อง MACD มาบ้างแล้วถ้าคุณยังไม่ค่อยเข้าใจให้ย้อนกลับไปในบทเรียนที่มีเนื้อหาเรื่อง MACD ก่อนหน้านี้
MACD เป็นเครื่องมือหนึ่งที่มีคนใช้ค่อนข้างเยอะ และมันค่อนข้างได้ผลดี ซึ่งมันธรรมดาและสามารถช่วยคุณหาโมเมนตั้ม และในตอนที่ตลาดไม่มีโมเมนตั้ม!
MACD สามารถใช้ได้หลายวิธี แต่ว่าวิธีหนึ่งที่น่าเย้ายวนที่สุดคือให้ดูที่เส้น (แท่ง) Histogram ซึ่ง Histogram ซึ่งแสดงความแตกต่างระหว่างเส้น Slow MACD และ Fast MACD เมื่อ Histogram ใหญ่ขึ้น หมายความว่า โมเมนตั้มเริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นเมื่อ เมื่อเส้น Histogram เล็กลงหมายความว่า โมเมนตั้มนั้นอ่อนแรงลง
ในการจำรูปแบบต่าง ๆ ของ Breakout แบบสามเหลี่ยมนั้น ให้คิดแค่ว่ามันเป็น Breakout เกิดบนใบหน้าคุณ (เหมือนสิว)
รูปแบบสามเหลี่ยมเฉียงขึ้น (Ascending triangles) ปกติจะเกิด Breakout ด้านบน เมื่อคุณเห็น สามเหลี่ยมแบบ เฉียงขึ้น ให้คุณคิดว่าเหมือนสิวขึ้นกับ หน้าผากของคุณ
รูปแบบสามเหลี่ยมเฉียงลง (Descending triangles) ปกติจะเกิด Breakout ด้านล่าง ดังนั้นเมื่อคุณเห็นสามเหลี่ยมเฉียงลง ให้คุณคิดว่าเหมือนกับสิวที่เกิดตรงคางของคุณ
รูปแบบสามเหลี่ยมธง (Symmetrical triangles) สามารถเกิด Breakout
ได้ทั้งด้านบนและด้านล่าง
ดังนั้นเมื่อคุณนึกถึงสามเหลี่ยมธงให้คุณนึกถึงสิวที่เกิดขึ้นบนคางและหน้า
ผากของคุณพร้อม ๆ กัน
นี่เป็นตัวอย่างที่ทำให้เราจำได้รวดเร็ว :สามเหลี่ยมเฉียงขึ้น (Ascending triangle) = สิวบนหน้าผาก (Forehead breakout)
สามเหลี่ยมเฉียงลง( Descending triangle) = สิวที่คาง (Chin breakout)
สามเหลี่ยมธง (Symmetrical triangle) = หน้าผากหรือคาง (Forehead OR chin breakout)
แหวะ ยี๊???? แต่เราเชื่อว่าคุณจะจำมันได้ง่ายขึ้น
การวัดความแรงของ Breakout
เหมือนที่คุณได้รู้มา เมื่อเทรนด์เคลื่อนที่หรือเกิดมาได้ซักระยะ และมันเริ่มที่จะหมดแรง สองอย่างที่อาจจะเกิดขึ้น :1. ราคาอาจจะเคลื่อนไหวเกิดเทรนด์ต่อเนื่องในทิศทางเดียวกัน (แบบเทรนด์ต่อเนื่อง)
2. ราคาอาจจะกลับทิศทางในทิศทางตรงกันข้าม (แบบกลับตัว)
มันคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ถ้าเรามีวิธีการยืนยันการเกิด Breakoutแต่ไม่มีวิธีในการหลีกเลี่ยงสัญญาณหลอกได้...
อืมมมมมม...
คุณคงคิดว่า มันต้องมีวิธีสิน่า !!
จริง ๆ แล้ว มีหนทางอยู่บ้าง ในการจะบอกว่าเทรนด์กำลังจะเกิดต่อไปอีก และ Breakout จะไม่เกิดขึ้น
Moving Average Convergence/Divergence (MACD)
ตอนนี้คุณคงมีพื้นฐานเรื่อง MACD มาบ้างแล้วถ้าคุณยังไม่ค่อยเข้าใจให้ย้อนกลับไปในบทเรียนที่มีเนื้อหาเรื่อง MACD ก่อนหน้านี้
MACD เป็นเครื่องมือหนึ่งที่มีคนใช้ค่อนข้างเยอะ และมันค่อนข้างได้ผลดี ซึ่งมันธรรมดาและสามารถช่วยคุณหาโมเมนตั้ม และในตอนที่ตลาดไม่มีโมเมนตั้ม!
MACD สามารถใช้ได้หลายวิธี แต่ว่าวิธีหนึ่งที่น่าเย้ายวนที่สุดคือให้ดูที่เส้น (แท่ง) Histogram ซึ่ง Histogram ซึ่งแสดงความแตกต่างระหว่างเส้น Slow MACD และ Fast MACD เมื่อ Histogram ใหญ่ขึ้น หมายความว่า โมเมนตั้มเริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นเมื่อ เมื่อเส้น Histogram เล็กลงหมายความว่า โมเมนตั้มนั้นอ่อนแรงลง
แล้วเราจะใช้เครื่องมือนี้ในการระบุจุดกลับเทรนด์ได้อย่างไร? ดีใจที่คุณถามคำถามนี้ !!
จำได้ไหม สัญญาณเทรดที่เราพูดถึงก่อนหน้านี้ที่เรียกว่า Divergence และ
มันเกิดขึ้นเมื่อราคาและ Indicator นั้นเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม? ซึ่ง
MACD จะแสดงโมเมนตั้ม และโมเมนตั้มจะเพิ่มเมื่อตลาดเกิดเทรนด์
อย่างไรก็ตาม ถ้า MACD เริ่มลดลงแม้ว่าเทรนด์ยังคงไปต่อ ซึ่งหมายความว่า
โมเมนตั้มเริ่มลดลงแล้วและเทรนด์ก็ใกล้จะจบแล้วเช่นกัน
คุณจะเห็นว่าจากภาพราคาเคลื่อนไหวสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ว่า MACD
นั้นเริ่มหดตัวลง นั่นหมายความว่าแม้ว่าราคายังคงเกิดเทรนด์อยู่ต่อเนื่อง
แต่ว่าโมเมนตั้มนั้นเริ่มลดลง
เรื่องนี้เราสามารถสรุปได้ว่าเทรนด์กำลังจะเกิดจุดกลับตัว
Relative Strength Index (RSI)
RSI เป็นเครื่องมือที่บอก
โมเมนตั้มอีกชนิดหนึ่งที่สามารถใช้ยืนยันการเกิดจุดกลับตัวได้เป็นอย่างดี
ตามปกติแล้วเครื่องมือตัวนี้จะบอกเราถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นระหว่าง
ราคาสูงสุด กับต่ำสุดในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง
เราจะไม่พูดถึงรายละเอียดลึกมากนัก
แต่ถ้าคุณอยากรู้ให้ย้อนกลับไปดูบทเรียนเรื่อง RSI ได้
RSI
สามารถใช้ได้แบบเดียวกันกับ MACD ซึ่งมันทำให้เกิดสัญญาณ Divergence
ซึ่งถ้าคุณเห็นการเกิด Divergence
หมายความว่าคุณก็จะการจุดที่คาดว่าน่าจะเป็นจุดกลับตัวได้
อย่างไรก็ตาม RSI
ก็ยังใช้ในการดูว่าเทรนด์นั้นเกินมูลค่าหรือว่าต่ำกว่ามูลค่าอย่างไรบ้างได้
ด้วย ซึ่งการดูว่าตลาดนั้นเกิดภาวะเกินมูลค่าหรือ ต่ำกว่ามูลค่า
(Overbought, Oversold) คือถ้า RSI
อยู่สูงกว่า ระดับ 70 เราเรียกว่า Overbought และอีกด้านหนึ่งถ้าเส้น RSI อยู่ต่ำกว่าระดับ 30 เรียกว่า Oversold เพราะ
ว่าเทรนด์นั้นเครื่องไหวในทิศทางเดียวกันในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
คุณจะเห็นได้บ่อย ๆ ว่า RSI นั้นเกิดภาวะ Overbought Oversold
อยู่ช่วงหนึ่ง ๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับทิศทางของเทรนด์
ถ้าเทรนด์นั้นเกิด
สัญญาณ Oversold หรือ Overbought
มาช่วงระยะเวลาหนึ่งและเริ่มกลับเข้ามาสู่ระยะปกติของ RSI
เป็นสัญญาณที่ดีว่าเทรนด์นั้นอาจจะเกิดการกลับตัวขึ้น
ในตัวอย่างเดียวกันกับตัวอย่างก่อนหน้า เส้น RSI แสดงว่าตลาดนั้นอยู่ในภาวะ
Overbought มาเป็นล้าน ๆวันแล้ว (อาจจะไม่นานอย่างนัน) เมื่อ RSI
เคลื่อนที่ลงมาต่ำกว่าที่ระดับ 70 มันเป็นสัญญาณว่าจะเกิดจุดกลับตัวขึ้น
เนื้อหาต่อไปครับ : การเทรดโดยใช้สัญญาณหลอก
1 2 3 4 5 6 7 8 9
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆจาก : http://www.jubtadu.com/forex/basic-degree/breakout-triangle.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น