แนวรับ - แนวต้าน ( Support & Resistance)
พื้นฐานของเครื่องมือการวิเคราะห์ทาง
เทคนิค คือ อุปสงค์(Demand) และ อุปทาน(Supply)
เส้นแนวรับ (Support) คือเส้นอุปสงค์ (Demand) เมื่อราคาลดลง
จำนวนผู้ต้องการซื้อก็จะมากขึ้นที่ราคาต่ำ
เมื่อมีจำนวนผู้ต้องการซื้อมากเกินไป ราคาก็จะสูงขึ้น
และเมื่อเหตุการณ์เข่นนี้เกิดขึ้นซ้ำ ๆ กันในจุด ๆ หนึ่งเส้น
แนวรับก็จะก่อตัวขึ้น หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ
แนวรับ(Support)คือ จุดที่เป็นจุดกลับตัวของกราฟ แล้วราคาได้ลงมาทดสอบอีกครั้ง เราจะใช้จุดนั้นเป็นแนวรับ ถ้าราคาลงมาทดสอบจุดนั้นแล้วไม่สามารถผ่านลงไปได้ แนวรับนั้นจะกลายเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง (Strong Support) โดยราคาจะลงมาทดสอบอย่างน้อย 2 ครั้ง (Double Bottom) หรือ 3 ครั้ง (Triple Bottom) ถ้าราคาไม่สามารถผ่านแนวรับเหล่านี้ได้ มันก็จะกลับตัวขึ้นไปอีกครั้ง
แนวรับมีอยู่ 2 แบบ คือ 1.แนวรับหลัก( Major Support ) 2. แนวรับรอง (Minor Support)
แนว รับหลัก(Major Support)จะเป็นจุดกลับตัวของกราฟ จากแนวโน้มขาลงกลายเป็นขาขึ้น ส่วนแนวรับรอง(Minor Support) จะเป็นจุดสูงสุดหรือ ต่ำสุดของกราฟ ที่เกิดการสวิงของราคา
ภาพตัวอย่างแนวรับ ดังรูป
แนวรับ(Support)คือ จุดที่เป็นจุดกลับตัวของกราฟ แล้วราคาได้ลงมาทดสอบอีกครั้ง เราจะใช้จุดนั้นเป็นแนวรับ ถ้าราคาลงมาทดสอบจุดนั้นแล้วไม่สามารถผ่านลงไปได้ แนวรับนั้นจะกลายเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง (Strong Support) โดยราคาจะลงมาทดสอบอย่างน้อย 2 ครั้ง (Double Bottom) หรือ 3 ครั้ง (Triple Bottom) ถ้าราคาไม่สามารถผ่านแนวรับเหล่านี้ได้ มันก็จะกลับตัวขึ้นไปอีกครั้ง
แนวรับมีอยู่ 2 แบบ คือ 1.แนวรับหลัก( Major Support ) 2. แนวรับรอง (Minor Support)
แนว รับหลัก(Major Support)จะเป็นจุดกลับตัวของกราฟ จากแนวโน้มขาลงกลายเป็นขาขึ้น ส่วนแนวรับรอง(Minor Support) จะเป็นจุดสูงสุดหรือ ต่ำสุดของกราฟ ที่เกิดการสวิงของราคา
ภาพตัวอย่างแนวรับ ดังรูป
เส้นแนวต้าน (Resistance)
คือเส้นอุปทาน เมื่อราคาสูงขึ้นจำนวนผู้ขายก็มีมากขึ้น
เมื่อมีผู้ขายมากเกินไปในตลาดราคาก็จะตกลง
เมื่อเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำ ๆ กันจุด ๆ หนึ่ง เส้นแนวต้านก็จะก่อตัว
ณ. ระดับราคานั้น ๆ หรือกล่าวง่ายๆก็คือ
แนวต้าน (Resistance) คือ จุดที่เป็นจุดกลับตัวของกราฟแล้วราคากลับขึ้นไปทดสอบอีกครั้ง ถ้าราคาทดสอบจุดที่เป็นแนวต้านแล้วไม่ผ่านสามารถผ่านได้ จุดนั้นจะกลายเป็น แนวต้านที่แข็งแกร็ง (Strong Resistance) โดยที่ราคาจะไปทดสอบ 2 ครั้ง( Double Top ) หรือ 3 ครั้ง(Triple Top ) ถ้าราคาไม่สามารถผ่านแนวต้านเหล่านี้ได้ มันก็จะกลับตัวลงไปอีกครั้ง
แนวต้านก็แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ Major Resistance และ Minor Resistance
ภาพตัวอย่าง แนวต้าน Resistance ดังรูป
แนวต้าน (Resistance) คือ จุดที่เป็นจุดกลับตัวของกราฟแล้วราคากลับขึ้นไปทดสอบอีกครั้ง ถ้าราคาทดสอบจุดที่เป็นแนวต้านแล้วไม่ผ่านสามารถผ่านได้ จุดนั้นจะกลายเป็น แนวต้านที่แข็งแกร็ง (Strong Resistance) โดยที่ราคาจะไปทดสอบ 2 ครั้ง( Double Top ) หรือ 3 ครั้ง(Triple Top ) ถ้าราคาไม่สามารถผ่านแนวต้านเหล่านี้ได้ มันก็จะกลับตัวลงไปอีกครั้ง
แนวต้านก็แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ Major Resistance และ Minor Resistance
ภาพตัวอย่าง แนวต้าน Resistance ดังรูป
เมื่อราคาสามารถผ่านเส้นแนวต้านไปได้
นักลงทุนมักจะมีความสงสัยถึงราคาที่จะยั่งยืนต่อไปได้แค่ไหนจึงตัดสินใจขาย
แล้วมักจะมาเสียใจเมื่อราคากลับมาสู่แนวต้านเดิมและสามารถไต่ระดับกลับขึ้น
ไปทะลุแนวต้านใหม่เหนือขึ้นไปอีก
สองสิ่งสามารถเกิดขึ้นเมื่อราคาสามารถทะลุแนวต้านได้ อย่างแรกคือ นักลงทุนคาดคะเนว่าราคาใหม่ที่เกิดขึ้นจะยั่งยืนหรือถดถอยไปสู่แนวเดิมหรือ นักลงทุนยอมรับในราคาใหม่และทำให้ราคาเดินหน้าไปหาแนวต้านใหม่สูงขึ้นไปอีก
เมื่อราคาหุ้นได้ทะลุเส้นแนวต้านโดยสมบูรณ์แล้ว เส้นแนวต้านนั้นจะกลายมาเป็นเส้นแนวรับใหม่ ในกรณีเส้นแนวรับก็เช่นกัน หากราคาได้ทะลุเส้นแนวรับโดยสมบูรณ์แล้ว เส้นแนวรับนั้นก็จะกลายเป็นเส้นแนวต้านใหม่
1. การหาแนวรับ-แนวต้าน จาก จุดสูงสุด High และ จุดต่ำสุด Low เก่าๆจุดกลับตัวของกราฟ
ดูแนวรับแนวต้านของEUR จากราคาปัจจุบันกันเลยครับ
สองสิ่งสามารถเกิดขึ้นเมื่อราคาสามารถทะลุแนวต้านได้ อย่างแรกคือ นักลงทุนคาดคะเนว่าราคาใหม่ที่เกิดขึ้นจะยั่งยืนหรือถดถอยไปสู่แนวเดิมหรือ นักลงทุนยอมรับในราคาใหม่และทำให้ราคาเดินหน้าไปหาแนวต้านใหม่สูงขึ้นไปอีก
เมื่อราคาหุ้นได้ทะลุเส้นแนวต้านโดยสมบูรณ์แล้ว เส้นแนวต้านนั้นจะกลายมาเป็นเส้นแนวรับใหม่ ในกรณีเส้นแนวรับก็เช่นกัน หากราคาได้ทะลุเส้นแนวรับโดยสมบูรณ์แล้ว เส้นแนวรับนั้นก็จะกลายเป็นเส้นแนวต้านใหม่
1. การหาแนวรับ-แนวต้าน จาก จุดสูงสุด High และ จุดต่ำสุด Low เก่าๆจุดกลับตัวของกราฟ
2.หาแนวรับแนวต้านจากการคำนวณ
เราจะใช้ราคาปิด(Close) ราคาสูงสุด ( High) และ ราคาต่ำสุด (Low) ของเมื่อวานมาคำนวณครับ
โดยเอาเม้าไปชี้้ที่แท่งเทียน Daily ครับ ดังรูป
เราจะใช้ราคาปิด(Close) ราคาสูงสุด ( High) และ ราคาต่ำสุด (Low) ของเมื่อวานมาคำนวณครับ
โดยเอาเม้าไปชี้้ที่แท่งเทียน Daily ครับ ดังรูป
เมื่อได้ค่าแล้วก็นำมาใส่สูตรดังนี้ครับ C=Close H=High L=Low
P=Pivot
S=Support
R=Resistance
Calculate
P=(H+L+C)/3
นำ P มาคำนวนหา แนวรับและแนวต้าน
Support แนวรับ
S1=P-0.382(H-L)
S2=P-0.500(H-L)
S3=P-0.618(H-L)
Resistance แนวต้าน
R1=P+0.382(H-L)
R2=P+0.500(H-L)
R3=P+0.618(H-L)
ตัวอย่างการคำนวน แนวรับแนวต้านของอียู กราฟวันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม 2553
จากกราฟราคาของวันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน 2553 ราคาต่ำสุด L=1.3559 ราคาสูงสุด H= 1.3683 ราคาปิด C=1.3633
P=(1.3683+1.3559+1.3633)/3 = 1.3625 , H-L=0.0124
S1=1.3625-0.382(0.0124)=1.3577
S2=1.3625-0.500(0.0124)=1.3563
S3=1.3625-0.618(0.0124)=1.3548
R1=1.3625+0.382(0.0124)=1.3672
R2=1.3625+0.500(0.0124)=1.3687
R3=1.3625+0.618(0.0124)=1.3701
เมื่อได้ค่าแล้วก็จดบันทึกไว้ หรือเอาไปติดไว้บนกราฟก็ได้ โดยใช้เครื่องมือ Horizontal Line ใส่ราคาลงไป จะได้ดังรูป
P=Pivot
S=Support
R=Resistance
Calculate
P=(H+L+C)/3
นำ P มาคำนวนหา แนวรับและแนวต้าน
Support แนวรับ
S1=P-0.382(H-L)
S2=P-0.500(H-L)
S3=P-0.618(H-L)
Resistance แนวต้าน
R1=P+0.382(H-L)
R2=P+0.500(H-L)
R3=P+0.618(H-L)
ตัวอย่างการคำนวน แนวรับแนวต้านของอียู กราฟวันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม 2553
จากกราฟราคาของวันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน 2553 ราคาต่ำสุด L=1.3559 ราคาสูงสุด H= 1.3683 ราคาปิด C=1.3633
P=(1.3683+1.3559+1.3633)/3 = 1.3625 , H-L=0.0124
S1=1.3625-0.382(0.0124)=1.3577
S2=1.3625-0.500(0.0124)=1.3563
S3=1.3625-0.618(0.0124)=1.3548
R1=1.3625+0.382(0.0124)=1.3672
R2=1.3625+0.500(0.0124)=1.3687
R3=1.3625+0.618(0.0124)=1.3701
เมื่อได้ค่าแล้วก็จดบันทึกไว้ หรือเอาไปติดไว้บนกราฟก็ได้ โดยใช้เครื่องมือ Horizontal Line ใส่ราคาลงไป จะได้ดังรูป
แต่ไม่ต้องคำนวณให้ยุ่งยากหรอกครับ ลองโหลด Indicator เกี่ยวกับ แนวรับและแนวต้านเอาไปใช้กันนะครับ DownLoad Support and Resistance Indicators
3. หาแนวรับ-แนวต้านจาก Fibonacci
* หาแนวรับแนวต้านจาก Fibonacci Retracement
การหาแนวรับ จาก Fibonacci Retracement ก่อนอื่นเลยเราต้องใช้ Fibonacci วัดจาก Low ไปหา High ของคลื่นปัจจุบัน แล้วหาแนวรับจากระดับการปรับฐานของ Fibonacci ที่ ระดับ 78.6 61.8 50.0 38.2 23.6 และ 0 % ดังรูป
และแนวต้านที่อยู่เหนือระดับ Fibonacci 100 % แนวต้านจะอยู่ที่ระดับ 138.2, 161.8 ,261.8,และ 423.6 % ดังรูปด้านล่าง
หาแนวต้านจาก Fibonacci Retracement โดยการวัดขาลง
* หาแนวรับแนวต้านจาก Fibonacci Fan
Fibonacci
Fan ( คลิกอ่าน )วัดได้สองแบบคือ 1. วัดขาขึ้น Bullish โดยทั่วไป
หุ้นมีขึ้นมันก็ต้องมีลง เมื่อราคาขึ้นไปสูงสุด ก็ต้องลงมาปรับฐาน
ตำแหน่งที่มันจะปรับฐานก็คือตำแหน่งของ Fibonacci 61.8-38.2 %
ดูรูปด้านล่างนะครับ
ตัวอย่างการใช้ Fibonacci Fan วัดหาราคาแนวรับ(ราคาปรับฐาน)ของราคาขาขึ้น
ดูรูปด้านล่างนะครับ
ตัวอย่างการใช้ Fibonacci Fan วัดหาราคาแนวรับ(ราคาปรับฐาน)ของราคาขาขึ้น
วิธีการวัด ใช้เอา Fibonacci Fan ไปที่จุด Low แล้วลากไปไว้ที่ High
ตัวอย่างใช้ Fibonacci Fan เพื่อหาแนวต้านของราคาขาลง (ราคาปรับฐาน)
ตัวอย่างใช้ Fibonacci Fan เพื่อหาแนวต้านของราคาขาลง (ราคาปรับฐาน)
Fibonacci Fan เปรียบเสมือนเส้นแนวโน้ม แต่เป็นเส้นแนวโน้มที่ระดับต่างๆของ Fibonacci
4. การหาแนวรับแนวต้าน โดยใช้ Trendline
เทรนไลน์ เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ใช้หาแนวรับแนวต้านได้ดีทีเดียว โดยแนวต้านที่ได้จากการลากเทรนไลน์ เราจะเรียกว่า Resistance Trendline และแนวรับที่ได้จากการลากเทรนไลน์เราจะเรียกว่า Support Trendline
การหาแนวรับจาก Support Trendline
การหาแนวรับจาก Trendline เราจะวัดจากจุดต่ำสุดเก่า เทียบกับจุดกับต่ำสุด ณ ปัจจุบัน
ตัวอย่างการลากเทรนไลน์เพื่อหา Support Trendline (แนวรับ )
ตัวอย่างการหาแนวต้านจากการลากเทรนไลน์ (Resistance Trendline)
4. การหาแนวรับแนวต้าน โดยใช้ Trendline
เทรนไลน์ เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ใช้หาแนวรับแนวต้านได้ดีทีเดียว โดยแนวต้านที่ได้จากการลากเทรนไลน์ เราจะเรียกว่า Resistance Trendline และแนวรับที่ได้จากการลากเทรนไลน์เราจะเรียกว่า Support Trendline
การหาแนวรับจาก Support Trendline
การหาแนวรับจาก Trendline เราจะวัดจากจุดต่ำสุดเก่า เทียบกับจุดกับต่ำสุด ณ ปัจจุบัน
ตัวอย่างการลากเทรนไลน์เพื่อหา Support Trendline (แนวรับ )
ตัวอย่างการหาแนวต้านจากการลากเทรนไลน์ (Resistance Trendline)
ลองฝึกการลากเทรนไลน์นะครับ แล้ว เพื่อนๆจะรู้ว่า
แค่เทรนไลน์ก็สามารถทำให้เราเทรดได้ ทำให้เรารู้ว่า จุดกลับตัวอยู่ตรงไหน
แนวรับแนวต้านอยู่ตรงไหน ลองศึกษาจากเว็บต่างประเทศ หรือจาก Youtube
ก็ได้นะครับ Keyword : Trendline
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น