เมื่อกราฟเจอแนวรับแนวต้าน มันจะทำอะไรได้บ้าง? 

 


      หลาย ๆ ครั้งที่เวลากราฟเจอกับแนวรับแนวต้านแล้ว เรามักจะมองไม่ออกว่ามันจะเอายังไงกันแน่ เหมือนจะทะลุก็ไม่ทะลุ จะไปก็ไม่ไป หาความแน่นอนไม่ได้ จึงเป็นเหตุให้ใครหลาย ๆ คนหันไปเลือก Indicators มาช่วยเพื่อหวังว่ามันจะพยากรณ์กราฟล่วงหน้าให้กับเรา แต่ก็ยังต้องเจ็บช้ำน้ำใจเมื่อเจอ Indicators หลอกอีก วันนี้ผมเลยเอาภาพตัวอย่างของความเป็นไปได้ที่จะเกิดเมื่อกราฟเจอกับแนวรับ แนวต้านมาให้ชมกันครับ
ปล. ต้องขอบคุณคุณ ไพศาล ในกลุ่มนักเรียนของ Thaiforexschool ด้วยนะครับที่เอาภาพเต็ม ๆ มาให้ผม





    จากรูปนี้เราจะเห็นได้ว่ากราฟมีความ เป็นไปได้ถึง 10 แบบเมื่อเผชิญหน้ากับแนวรับแนวต้านที่สำคัญ ความเป็นไปได้ยังน้อยกว่าการสุ่มกากบาท ก ข ค ง เสียอีก แล้วคุณลองคิดภาพว่าคุณไม่รู้คำตอบแต่คุณกำลังสุ่มกากบาทจาก ก ข ค ง จ ฉ ช ซ ฯลฯ ไม่ผิดอะไรสำหรับคนที่พึ่งเริ่มเทรดได้ไม่ถึงปีที่จะยังแยกไม่ออกระหว่าง การเดากราฟ กับ การเทรดตามกราฟ มันต่างกันยังไง เหตุผลที่เราพยายามเสาะหา อินดิเคเตอร์ มากมายในช่วงแรกมาเทรดนั่นเป็นเพราะ เราต้องการจะรู้อนาคตซึ่งเราเชื่อว่าคนที่รู้อนาคตเท่านั้นที่จะสามารถเทรด ได้ เราจึงหาอินดิเคเตอร์มาเพราะคิดว่า “มันจะสามารถบอกเราล่วงหน้าได้ว่ากราฟจะทะลุแนวรับแนวต้านนั้น ๆ ได้หรือไม่” ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ตัวอินดิเคเตอร์เองก็วิ่งตามราคานั่นละครับเพราะมันคำนวณค่าออกมาจากตัวราคา ทั้งสิ้น
ถึงแม้ว่าตัวเจ้าของภาพนี้ (ไม่ใช่คุณไพศาล) จะทำภาพนี้ขึ้นมาแต่ตัวเขานั้นก็ไม่เห็นด้วยกับการเดากราฟเมื่อราคามาถึงแนว รับแนวต้าน จากภาพเจ้าตัวเขาบอกเลยว่า ความเป็นไปได้ที่เราจะเดาถูกมีแค่ 10% เท่านั้น ในข้อความตัวสีแดง ๆ ข้างล่าง เขาได้พูดไว้ดังนี้
“คุณ ไม่จำเป็นต้องพยาการณ์หรือคิดแทนตลาด หาสิ่งที่บ่งบอกให้เจอว่ามันจะวิ่งไปทางไหนและเทรดไปตามทางนั้น การเทรดโดยที่ยังไม่มีสัญญาณยืนยันนั้นมีความเป็นไปได้เพียง 10% ที่จะถูก นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผม (เจ้าของภาพ) ถึงไม่เคยวิเคราะห์ตลาดเลย กราฟก็เหมือนสายลม ไม่ว่ามันจะพัดไปทางไหนผมก็จะลอยไปตามลมนั้น และหากเมื่อไหร่ลมนั้นกลายเป็นพายุ ผมก็จะออกมาจากพายุนั้นและเฝ้าดู การลอยตามลมของผมมันสร้างกำไรให้ผมอย่างมหาศาลทั้ง ๆ ที่บางทีผมยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ
แล้วทำไมจะต้องเสียเวลาคิดโน่นคิดนี่ให้มากมายทั้ง ๆ ที่มันมีความเป็นไปได้เพียง 10%?”
จุดเข้าที่ได้เปรียบสำหรับผมก็อยู่ที่ แนวรับแนวต้านนี่ละครับ หากจะ sell ก็ให้เล็ง แนวต้าน ไว้ หากจะ buy ก็ให้เล็ง แนวรับ เพราะจุดเข้าเหล่านี้จะทำให้เราได้เปรียบเมื่อกราฟไม่วิ่งไปตามที่เราคิด คำว่าได้เปรียบของผมคือ จุดที่เราเข้าแล้วจะลด damage ให้พอร์ตเราน้อยที่สุดเมื่อกราฟผิดทาง และ จะสามารถทำกำไรได้อย่างรวดเร็วเมื่อกราฟวิ่งไปตามที่เราคิด สัญญาณยืนยันที่ว่าเหล่านั้นก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่ไกลตัวของเรา มันก็คือรูปแบบของกราฟแท่งเทียน และ เครื่องมือต่าง ๆ เช่น Trendline Fibonacci เป็นต้น แต่จงจำไว้ว่า เราวิเคราะห์กราฟได้แต่อย่าไปคิดแทนกราฟ เพราะทุกรูปแบบมันมีโอกาส Fail หมดครับ เราไม่สามารถควบคุมปัจจัยเหล่านี้ได้เลย ดังนั้นหากจะคิดเราควรเอาความคิดเราไปใส่ในเรื่องของ Money Management และ การวางกลยุทธ์การเงินของเราให้สอดคล้องกับการเทรด ดีกว่า เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่เราสามารถควบคุมได้และบังคับได้อย่างใจนึก

 


ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆจาก :  http://www.thaiforexschool.com/view-article.php?id=518&Page=2


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น